AMD โรคจอประสาทตาเสื่อมสำคัญที่ทำให้ตาบอดในผู้สูงอายุ ( 50+ ควรหาเวลาอ่าน)


Age-related macular degeneration (AMD) ; DRY 

โรคจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ 

เรื่องโดย ทัศนมาตร สมยศ เพ็งทวี ,ทม. (O.D.)

เขียนเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2561

______________________________________________________________________________________________________________

บทนำ

AMD หรือ age-related macula degeneration เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมที่บริเวณศูนย์กลางจุดรับภาพ หรือ macula  ทำให้ลักษณะของการบอดนั้นเริ่มที่ศูนย์กลางการมองเห็น (central visoin blind) ซึ่งเป็นโรคจอตาที่ทำให้ตาบอดที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่อายุ 60 ปีขึ้นไป  ในประเทศอเมริกาและคนทางตะวันตกนั้น AMD คือโรคที่เป็นสาเหตุหลักของการตาบอดในผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 60 ปี 

 

อีกไม่นาน ประเทศไทย บ้านของเรา จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัว คนแต่งงานกันช้าลง  มีลูกกันน้อยลง การแต่งงานก็ลดลงด้วยเช่นกัน  ทำให้เด็กเกิดใหม่นั้นมีน้อย เดี๋ยวนี้ถ้าบ้านไหนมีเด็กน้อยนี่จัดว่าเป็น rare item เลย หิ้วไปไหนก็มีแต่คนจ้องจะ “คฟัด” เห็นแล้วหมั่นเขี้ยว เพราะนานๆจะเห็นสักที ผมเป็น ( ฮา ) 

 

จริงๆอีกส่วนหนึ่งก็คือ คนปัจจุบันอายุยืนกันมากขึ้น  จากรายงานระบบสถิติทางการทะเบียนของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2560 มีชาวไทยที่มีอายุตั้งแต่ 100 ปีขึ้นไป ที่ยังมีชีวิตอยู่ 10,224 คน  เพราะอาหารการกินดีขึ้น ระบบสาธารณสุขดีขึ้น การเป็นอยู่ดีขึ้น ทำให้คนมีอายุกันมากขึ้น  ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ที่เราจะได้อยู่เห็นโลกที่สวยงามนี้กันได้ยาวนานขึ้น ได้เห็นเรื่องราว เห็นการเปลี่ยนแปลงของโลกสีฟ้าใบนี้ได้นานขึ้น 

 

แต่สิ่งหนึ่งที่มีมาพร้อมกับผู้สูงอายุคือ “โรค”ที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับดวงตา ซึ่งเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดในการดำรงชีวิต แขนขาดขาขาดก็ยังพอจะรับและสามารถมีความสุขได้อยู่  แต่ถ้าตาบอดนี่ไม่รู้จะรับอย่างไร และไม่รู้จะบอดไปอีกเมื่อไหร่ถึงจะได้ทิ้งสังขาร ดังนั้นสุขภาพตานั้นเป็นเรื่องที่ต้องเริ่มคิดที่จะดูแลกันได้แล้ว 

 

โรคตาที่มากับผู้สูงอายุ ได้แก่ ต้อกระจก ต้อหิน จอประสาทตาเสื่อม วุ้นในตาเสื่อม จอประสาทตาลอก จอประสาทตาฉีกขาด ถ้าไม่ดีแลให้ดี ใช้ชีวิตประมาทแล้วเกิดตาบอดขึ้นมัน อันนี้คงไม่สนุกแน่นอน เพราะต้องอยู่กับโลกที่มืดมิด และไม่รู้เมื่อไหร่ที่จะได้ย้ายร่างไปเกิดใหม่  ถ้าทำใจได้ก็ทุกข์น้อยหน่อย ถ้าทำใจไม่ได้ก็ทุกข์เยอะหน่อย ก็เป็นธรรมดา เกิด แก่ เจ็บ ตาย   

 

ของบางอย่างไม่ต้องรอให้มันพังแล้วค่อยซ่อม เพราะอาการบางอย่างก็ซ่อมได้ บางอย่างก็ซ่อมไม่ได้  อาการน้อยๆรักษาง่าย ค่าใช้จ่ายไม่แพง ถ้าอาการหนัก รักษาแพงรักษาไม่ไหวปล่อยให้บอดไป หรือต่อให้จ่ายได้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหายเป็นปกติไหม  

 

ดังนั้นวันนี้มารู้จักกับโรคจอตาเสื่อมกันสักหน่อย 

 

มีเคสหนึ่ง คนไข้หญิง อายุ 55 ปี มาด้วยอาการแว่นเดิมที่ใช้อยู่ไม่ชัด อยากทำแว่นใหม่ (เท่านั้นจริงๆ) 

 

สุขภาพแข็งแรง ตรวจสุขภาพเป็นประจำ ใช้สายตามองไกล ดูทีวี ทั่วไป โดยรวมแล้ว ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองมีความผิดปกติอะไร 

 

ผลจากการตรวจสายตา 

OD -2.25 -1.25x7  VA 20/15+2

OS -5.00               VA 20/15+2

Binocular Function 

3 BO esophoria @ 6 m 

Functional / accommodation 

BCC (add) +2.25D

NRA/PRA +1.00/-0.75

ตรวจสุขภาพตา

ขณะตรวจสุขภาพตาเบื้องต้นด้วย slit-lamp นั้นไม่พบความผิดปกติอะไร เปลือกตา ชั้นน้ำตา กระจกตา เลนส์แก้วตาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีต้อลม ต้อเนื้อ หรืออาการอะไรที่แสดงถึงความผิดปกติ 

จอประสาทตาที่เริ่มมีเห็นมี drusen ซึ่งเป็น sign ของการเป็น Dry AMD 

 

แต่พอตรวจจอประสาทตา พบว่ามีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นกับจอประสาทตา คือมีจุดขาวเหลือง อยู่บริเวณใกล้กับจุดรับภาพ ซึ่งเป็นลักษณะของ Drusen ซึ่งเป็นอาการเริ่มต้นของจอประสาทตาเสื่อม จึงแนะนำว่า เรื่องแว่นไม่ยาก ชัด สบาย แน่นอน แต่ต้องไปหาหมอด้วย เพื่อให้หมอตรวจวินิจฉัยและติดตามอาการต่อไป อย่าเพิกเฉยเพราะอาจลุกลามไปถึงตาบอดได้ 

 

ดังนั้นวันนี้ เรามาทำความรู้จักกับจอประสาทตาเสื่อมที่พบได้บ่อยในคนสูงอายุสักหน่อย ซึ่งผมึงมาจากตำราแพทย์ rapid opththalmology ซึ่งเขียนสรุปได้ดีเกี่ยวกับ AMD 

AMD

Age-related macular degeneration (AMD) ; Dry AMD เป็นความเสื่อมของเซลล์ของจอประสาทตา มีลักษณะที่สำคัญคือ เห็นเป็นจุดขาวเหลืองของ Drusen และมีลักษณะของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชั้น retinal pigment epithelium (RPE)

 

สาเหตุ 

ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด , แต่คิดว่าเกิดจากหลายๆสาเหตุรวมๆกัน

 

ปัจจัยเสี่ยง 

  • อายุมากขึ้น
  • พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 
  • สูบบุหรี่ 
  • ความดันตาสูง
  • เชื้อชาติ (ชนชาติฝรั่งผิวขาวพบได้บ่อยกว่าคนดำ)
  • ดืมแอลกอฮอล์มาก
  • สัมผัสกับรังสียูวีปริมาณมาก 
  • กินอาการที่มีไขมันมาก 
  • ยีน

 

หมายเหตุ ปัจจัยเสี่ยง ผมดึงมากจากตำราแพทย์ 2 เล่ม ไม่พบว่าแสง blue เป็นหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่อ้างว่าทำให้เกิด AMD แม้ผมจะค่อยๆอ่านทีละบรรทัด หรือ ครึ่งบรรทัดก็ตามแต่ ก็ไม่พบแต่อย่างใด อีกอย่างหนึ่งนะ สาเหตุที่แท้จริงนั้น การแพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด  แต่ที่ชัดๆ บุหรี่เสี่ยงต่อจอตาเสื่อมมากกว่าแสงบลู หลายร้อยเท่านัก ดังนั้น เห็นคนใส่แว่นตัดแสงสีน้ำเงินแล้วยืนสูบบุหรี่นี่ดูขัดๆยังไงชอบกล 

 

ระบาทวิทยา

พบในคนสายตายาวมองไกล (hyperope) บ่อยกว่าสายตาประเภทอื่น 

 

มีรายงานว่า AMD เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนตะวันตกที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปตาบอด  โดย 90 % ของคนที่เป็น AMD เป็นแบบชนิดแห้ง (Dry AMD)  ซึ่งมีความรุนแรงน้อยกว่าแบบชนิดเปียก (Wet AMD)

 

ประวัติคนไข้

ความคมชัดของ VA ลดลง  โดยอาการมัวนั้นเริ่มขึ้นที่จุดศูนย์กลางการมองเห็น (central vision) ทำให้เริ่มที่จะอ่านหนังสือยาก  จำหน้าคนไม่ค่อยได้ เพราะรายละเอียดหายไป  ใส่แว่นแล้วไม่ดีขึ้น ภาพบิดเบี้ยวผิดรูปร่างไปจากเดิม  contrast ลดลง  การรับรู้สีลดลง 

 

การตรวจ 

หา Drusen , ดูการฝ่อของ RPE, ถ้าเกิดการฝ่อทั่วทั้งแผ่นของเรตินา แสดงถึงอาการระยะท้ายๆของ AMD  ตรวจ Amsler-grid   ตรวจ fundus หาความผิดปกติของของเหลวหรือเลือดที่รั่วอยู่ใต้เรตินา  ดูความบวมของจอประสาทตา รวมไปถึง scar ที่เกิดขึ้นใต้จอประสาทตา  ฉีดสี (fundus fluorescein angiography,FFA) เพื่อดูความผิดปติของจอตา

fundus fluorescein angiography ,FFA ในคนไข้ wet AMD  ,
(cr image https://peposevision.com)

 

Drusen : เป็นสัญญาณหรืออาการที่บ่งบอกถึงพยาธิสภาพที่เกิดขึ้นในชั้นเม็ดสีของเรตินา (retina pigment epithelium , RPE) ซึ่งเป็นมีสารกลุ่มไขมันและโปรตีนไขมันเป็นองค์ประกอบ  ตัว drusen เองไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิด AMD แต่ว่า คนที่พบว่ามี drusen นั้นเป็นคนที่มีความเสี่ยงที่ AMD กำลังลุกลาม 

Drusen มีทั้งชนิดแข็ง (hard drusen)  ซึ่งมีขนาดเล็ก ลักษณะกลม ขอบเขตชัดเจนและแต่ละก้อนก็อยู่กระจายห่างๆกัน ส่วนใหญ่ hard drusen แบบนี้จะยังไม่รบกวนการมองเห็น 

อีกชนิดคือแบบนิ่ม (soft drusen) จะมีลักษณะอยู่กันเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ๆ ขอบเขตไม่ชัดเจน ซึ่งคนที่พบว่ามี soft drusen จะอันตรายมากกว่า 

(ข้อมูล drusen จาก www.aao.org)

A) ภาพถ่ายสีของ fundus  B) การทำ FFA ทำให้เห็นเส้นเลือดและรอยโรคได้ชัดเจนขึ้น D-E)ลักษณะของการเกิด dresen ที่ิเกิดขึ้นภายใต้เรตินา ทำให้เรตินาเกิดการยกตัว
cr image : https://www.researchgate.net 

 

กลไกการเกิดโรค

เริ่มจากการมีเส้นเลืิอดเกิดใหม่ (neovascularization)ในชั้น choroid แล้วยืดเข้าไปในชั้น RPE ไปอยู่ที่ช่องว่างใต้จอรับภาพ (subretinal space)   เส้นเลือดที่สร้างขึ้นมาใหม่ย่อมไม่มแข็งแรง ทำให้เกิดการซึมของสารในเส้นเลือด รวมไปถึงเกิดมีเลือดออก เกิดเป็นจอประสาทตาบวมขึ้นมา  จากนั้นก็จะตามาด้วยการสร้าง scar มีการสร้างสารของเสียขึ้นมา ทำให้เกิดความ เสื่อมของเซลล์บริเวณนั้น ส่งผลให้เกิดเลืดออกที่บริเวณ macula และผลสุดท้ายก็คือคนไข้ตาบอดแบบ central vision loss จาก macula scar

Subretinal neovascularization

การรักษา 

ยังไม่มีวิธีการรักษาในปัจจุบันสำหรับ Dry AMD  ส่วนใหญ่จะรักษาโดยการควบคุมอาการไม่ให้ลุกลามด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต 

 

เปลี่ยนไลฟ์สไตล์

งดบุหรี่ , กินวิตาวินเข้มข้น พวก vitamins รวมเช่น  C,E,Zince และ Beta-carotene  ซึ่งจะต้องระวัง beta-carotene ในคนไข้สูบบุหรี่ ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปอด 

 

เพิ่มคุณภาพชีวิต 

อุปกรณ์ช่วยสายตาเรือนลาง  และสอนการใช้ชีวิตในโลกที่ความคมชัดน้อยลง 

 

ผลข้างเคียง

เกิดเส้นเลือดสร้างใหม่ในชั้น choroid (choroidal neovascularization ) ในคนไข้ที่เป็น wet AMD

หากพบว่ามี Drusen และเม็ดสีที่ผิดปกติที่จอประสาทตาข้างหนึ่ง  ส่วนใหญ่พบว่า 50% จะเป็นอีกข้างภายใน 5 ปี 

 

ก็เป็นอีกหนึ่งโรคภัยใกล้ตัว ที่คนไข้จะไม่มีสิทธิ์รู้เลยว่าตัวเองเป็นโรคนี้ และหลายๆโรคหรือความผิดปกตินั้น ไม่แสดงอาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคต้อหิน ที่ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ จะรู้ตัวอีกทีก็บอดเกือบทั้งหมดแล้ว เพราะว่าอาการต้อหินจะเริ่มบอดจากด้านข้าง (periphery vision loss)  ในขณะที่ central vision นั้นยังดี ดังนั้นตรวจสายตาที่ไรก็ชัดทุกที แต่รอบๆนั้น ต้อหินกินหมดแล้ว เป็นต้น  ดังนั้นการพบจักษุแพทย์อย่างน้อยปีละครั้ง ไม่เสียเวลาเท่าไหร่หรอก เพื่อเช็คอัพสุขภาพดวงตาของตัว ไม่ใช่ว่าชัดแล้วแปลว่าจบ ถ้าไม่เป็นไร ก็สบายใจ ถ้าเป็นน้อยๆ ก็จะได้รักษาให้ทัน 

 

ทิ้งท้ายให้คิด

 

ผมว่ามันถึงเวลาที่จะกระตุกต่อมสำนึกเรื่องสุขภาพตากันได้แล้วหล่ะ ว่าดวงตาเป็นเรื่องสุขภาพ ไม่ใช่สินค้า ที่จะเอามาเล่นตลาด เล่นโปรโมชั่น hard sale หรือจะมาโฆษณากล่าวอ้างเกินจริง 

 

หนักไปกว่านั้นที่ไม่อยากจะพูดแต่คิดว่าพูดดีกว่าก็คือ “ผมรู้สึกว่าสายตาของคนไทยกำลังถูกปล้นอย่างแนบเนียน โดยผู้บริโภคเองก็ไม่ทันได้เอะใจ ” เชื่อว่าหลายคนคิดแต่ไม่กล้าพูด  จริงๆผมก็กลัวที่จะพูดนะ แต่พอชั่งใจดูแล้ว พูดให้เกิดประโยชน์แม้จะถูกเกลียด ก็ดีกว่าปล่อยให้มันเป็นกันอยู่อย่างนี้ 

 

บางคนนึกไม่ออกว่า ดวงตาอยู่ในเบ้าตาฉันแล้วใครมันจะมาปล้น แล้วจะปล้นเอาไปทำไม  

 

ก่อนจะอธิบายอยากให้คิดตามว่า ว่า "วิญญาณหมอกับวิญญาณพ่อค้าไม่เหมือนกัน" วิญญาณหมอเวลาเห็นดวงตาคนไข้เขาคิดอะไรรู้ไหม  เขามองหาความผิดปกติ เขาจะดูสังเกตดวงตาของคนที่เขาคุยด้วย เขามองหาอะไรบางอย่างที่ผิดปกติหรือมีกิริยาท่าทางบางอย่างที่ผิดปกติ พยายามมองเข้าไปในรูเล็กๆที่อยู่ตรงกลางตาดำ ว่ามีความผิดปกติิอะไรไหม ถ้าปกติหมอก็ดีใจ ถ้าผิดปกติหมอก็เสียใจด้วยและหาทางรักษาแก้ไขเท่าที่จะสามารถรักษาได้ 

 

แต่พ่อค้านั้นคิดไม่เหมือนกัน พ่อค้าพยายามมองเห็นโอกาสในการสร้างเม็ดเงินจากดวงตาคน แม้เขาอาจไม่มีทักษะที่มากพอในการตรวจ เขาก็จะใช้วิธีตักประโยชน์เอามาจนได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าเขาเห็นว่าคนสายตาปกติ เขาจะไม่ค่อยยินดีด้วยเท่าไหร่ เพราะคนตาปกตินั้นขายของไม่ค่อยได้ เขาจะเริิ่มสร้างอะไรมาสักอย่างให้คนรู้สึกว่าลูกค้ามีความผิดปกติ  ที่เห็นได้ชัดเจน เช่นการหาผู้ร้ายให้กับสิ่งที่พูดไม่ได้เช่น ใส่กันรังสีคอมพิวเตอร์ ใส่กันแสงบลูจากมือถือ บลาๆๆๆ ไม่อยากพูดเรื่องนี้บ่อยเพราะเจ็บคอ  แต่รู้หรือไม่ว่า สายตาที่วัดผิดแล้วให้ลูกค้าทนใส่กับแว่นที่ค่าผิดนั้นมันอันตรายกว่าแสงบลูหลายเท่านัก

 

ตัวอย่างเคสเมื่อวานนี้ 

เมื่อวานนี้ 15 พ.ย.61 คนไข้ชาย อายุ 48 ปี ถือแว่นมาที่คลินิก บอกว่าไปทำแว่นมาเมื่อ อาทิตย์ที่แล้ว แต่มองไกลไม่ชัด ดูใกล้ก็ไม่ชัด ญาติที่เป็นหมอทำแว่นที่นี่ก็เลยให้เอามาให้ดูหน่อยว่าเกิดจากอะไร 

 ผมถามว่า “ถ้าไม่ใส่ชัดไหม” คนไข้บอกว่า “ไม่ชัด”  

 “โอเค..ถ้าอย่างนั้น ตรวจก่อนค่อยว่ากันเรื่องแว่นที่ไปทำมาว่าทำไมไม่ชัด” ผมตอบ แล้วเชญเข้าห้องตรวจ 

ตรวจสายตาออกมาได้ค่า 

OD +0.62 - 1.75 x 87  VA 20/10

OS +0.25 - 1.50 x 85  VA 20/10

มองไกลมี esophoria (เหล่เข้าซ่อนเร้น) 2 prism ไม่มี vertical phoria 

มี base in reserve : x/6/2

BCC (addition) +1.50D

NRA +0.75 /PRA -0.75

ผมเกิดความอยากรู้ ว่าไปทำแว่นอะไรมาถึงมองอะไรไม่เห็น ก็เลยเอาแว่นไปเช็คบน lensometer ได้ค่ามา 

OD  -0.75

OS  -0.75

อ่านทีแรก ถามคนไข้ว่าหยิบแว่นมาผิดหรือเปล่า หรือร้านส่งแว่นมาผิดคนหรือเปล่า เพราะสายตาที่อยู่ในเลนส์ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสายตาคนไข้เลย แล้วร้านแว่นจ่ายค่าแบบนี้มาได้อย่างไร  ค่าสายตาก็ไม่ใช่ และคนไข้มองระยะไหนก็ไม่ชัด แล้วจ่ายมาได้อย่างไร มองเห็นดวงตาของเขาเป็นอะไร และถ้าคนไข้คนนี้เป็นเด็กที่กำลังเพ่งสูงๆ แล้วเด็กเพ่งจะเกิดอะไรตามมา ขนาดว่าเรา corrected ไปแล้วยังมี esophoria มองไกลถึง 2 ปริซึม ถ้าไม่ได้แก้คงขึ้นเป็น 6-7 แล้ว ถ้าเด็กคนนี้ ปวดหัว เมื่อยตา ขี้เกียจอ่านหนังสือเพราะปวดตา เรียนตก แม่ด่า กลายไปเป็นเด็กแว้น มั่วสุม กลายเป็นเสียเด็ก เสียคน  แล้วใครจะรับผิดชอบกับอนาคตเด็กคนนี้ 

 

แล้วลักษณะที่เกิดขึ้นแบบนี้ สามารถเรียกได้ไหมว่า “สายตาของคนไทยกำลังถูกปล้น” และอาจจะร้ายแรงถึงขึ้นปล้นชีวิตเลยก็ได้ ซึ่งรูปแบบการปล้นนั้นมีตั้งแต่ลักเล็กขโมยน้อย จนถึงระดับคอรัปชั่นเชิงนโยบาย โดยการสร้างภาพบิดเบือนชี้นำให้คนหลงเชื่อแล้วก็ปล้นขณะที่คนเชื่อยังไม่ได้สติ  กว่าจะได้สติ ก็พึ่งรู้ตัวว่าหลงทางมาไกล หมดเงิน หมดทอง เปลืองเวลา บางทีก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะหมดบุญ 

 

"ปัญหาอยู่ที่ไหน"  

 

ผมว่ามันเริ่มจากการที่คนไม่ได้มองว่าสายตาคือสุขภาพ แต่มองเป็นเรื่องสินค้าที่สามารถซื้อขายได้ และมี market share หลายหมื่นล้าน แตะตานักลงทุนยิ่งนัก และพร้อมที่จะกระโจนเข้าแย่งชิ้นเค้กกัน  

 

ถ้าสิ่งที่ใช้รักษาโรคทางร่างกายคือ “ยา”  ในขณะที่สิ่งที่ใช้รักษาสายตา/ฟังก์ชั่นของกล้ามเนื้อตาคือ “เลนส์สายตา”ที่สร้างขึ้นมาเฉพาะแต่ละปัญหาค่าสายตาเหมือน “ยารักษาสายตา”  แต่นายทุนไม่สน และบิดให้มันเป็นเรื่องของสินค้าซะ ดังเราจะเห็นโฆษาในทีวีในอดีต ล้วนแต่ทำเป็นเรื่องโจ๊กทั้งนั้น ไม่เคยมีสักครั้งที่จะทำเป็นเรื่องสุขภาพ สร้างภาพให้เหมือนว่าใครก็ตรวจสายตาได้ เพราะสายตาคือสินค้าไม่ใช่สุขภาพดังนั้นใครๆก็สามารถวัดแว่นขายแว่นได้เหมือนขายรองเท้า คนขายถ้าทอนเงินเป็นก็ขายรองเท้าได้ การเปิดร้านแว่นก็ไม่ได้ยากมีเครื่องคอมพิวเตอร์สักตัวก็เปิดร้านแว่นได้ หาใครก็ได้ที่สามารถมากดปุ่มคุมเครื่องวัดสายตา ก็คือว่าเป็นคนวัดแว่นประจำร้านได้  เรียนรู้ลองผิดลองถูกกันไป  แต่ใจคอจะเอาดวงตา เอาสายตาของคน มาเป็นของเล่น เป็นของซ้อมมือกันอย่างนั้นจริงๆหรือ มันควรจะเป็นงานของ professional เขาทำไม่ใช่หรือ

 

เรื่องจริงคือวันนี้ ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไรมาก่อน ถ้ามีเงินสัก 1-2 แสนบาท สามารถเปิดร้านแว่นได้ โดยไม่มีใครมาควบคุมมาตรฐานทั้งสิ้น ซึ่งไม่ต้องไปฝันว่าสมาคมพ่อค้าแว่นตาแห่งประเทศใด ๆ จะมาช่วยควบคุมมาตรฐาน เพราะส่วนใหญ่คนข้างในคือนายทุนขายส่งทั้งนั้น จะทุบหม้อข้าวตัวเองทำไม (เห็นสายตาเป็นหม้อข้าวซะนั่น)

 

เวลาเปิดร้านใหม่สิ่งแรกที่จะทำ แทนที่จะเป็นการศึกษาเพื่อหาวิธีการตรวจตาที่มันถูกต้อง  กลับไปนั่งคิดแต่จะออกแบบสติ๊กเกอร์ ออกแบบแผ่นไวนิล  ว่าฉลองร้านใหม่ ลด 60-80%  เหล่านี้สำหรับผมคือ การวางแผนปล้นสายตาประชาชนอย่างแท้จริง (ฟังดูแรงนะ...แต่เรื่องจริง)

 

เหนื่อสิ่งอื่นใด  ผมมองสุขภาพตาของประชาชนเป็นสำคัญ  ไม่ได้มีเจตนาต่อว่าใคร  ร้านแว่นตา ช่างแว่นตา ที่ตั้งใจศึกษาทำงานของตนอย่างดีเยี่ยม ก็ขอชื่นชมทุกท่านที่่มีอุดมการณ์ ที่ท่านมีและอยากจะทำงานเพื่อช่วยให้คนมีการมองเห็นที่ดีขึ้น  เพื่อนๆผมที่เป็นช่างแว่นตา เก่งๆก็มีมาก และก็อยากให้พี่ๆ น้าๆ อาๆ เพื่อนๆ ในวงการรักษาความดีกันต่อไป 

 

ทีนี้เอาใหม่  เรามาปรับทัศนคติกันใหม่ เริ่มจากการถามตัวเองว่า “เราเปิดร้านแว่นตาขึ้นมาทำไม  เราอยากช่วยให้ประชาชนคนไทยได้รับบริการที่ดีจริงๆหรือ หรือเราแค่อยากจะแย่งเค้กให้ได้มากที่สุด” 

 

ถ้าเราตอบตัวเองได้ว่าเราอยากจะทำให้คนมีการมองเห็นที่ดี ได้สายตาที่ถูกต้อง เราต้องเริ่มจากการพิจารณาว่า การจะตรวจสายตาให้ดีสักคน เราจะต้องมีความรู้ มีเครื่องมือ อุปกรณ์ที่จำเป็นอะไรบ้าง แล้วจะไปหาสิ่งเหล่านั้นได้ที่ไหน จากนั้นก็เริ่มฝึกฝน  ฝึกฝน และฝึกฝน ...

 

ผมชอบเพลงของพี่ บอย อิมเมจิ้น เขียนเพลง “มูซาชิ” ได้อย่างน่าฟัง ซึ่งผมชอบตอนหนึ่งว่า 

 

“โคลงกลอน มังกรชรา เซกิชูไซ

ที่เคยยึดไว้ย้ำเตือนใจ...ให้ฝึกฝน

พ่ายแพ้ ...ก็ฝึกฝนตน

ชนะ ก็ฝึกฝนตน 

ฝึกฝนจนดาบในมือ ตัดทิ้ง...ทุกอย่าง

 

อ่อนแอ ข้าต้องฝึกฝน ให้เข้มแข็ง

เข้มแข็ง ข้าต้องฝึกฝน ให้อ่อนโยน

เพื่อให้วิถีดาบของข้า อยู่เหนือคำวิจารณ์ของผู้คน

และอยู่เหนือคำชื่นชม หรือเหยียดหยาม

 

เพราะจิตใจที่อ่อนโยนแต่เข้มแข็ง

ไม่อาจเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ

ทุกสิ่งล้วนมาจากการทุ่มเทฝึกฝน

ข้าฝึกจนทนทานกับความเปลี่ยวเหงา

ทุกคืนจึงมีแต่ข้าและเงา ตำรากับโคมไฟ”

หาฟังบน youtube ได้ตามลิ้ง https://www.youtube.com/มูซาชิ boy imagine

นี่คือ “มูซาชิ” เราเองก็เช่นกัน คงต้องฝึกเพลงดาบแห่งการตรวจสายตา ให้สุดในอาชีพ  

 

สมาชิกสมาคมทัศนมาตรทุกคนรวมถึงผม อยากเห็นมาตรฐานของอาชีพแว่นตาในบ้านเรา ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง มีความงามในการทำงานในวิชาชีพกว่าปัจจุบัน  

ผมเคยได้ยินคนพูดว่าวงการแว่นตาเหมือน “เด็กเลี้ยงแกะ” ได้ฟังแล้วก็สะเทือนใจ แต่ไม่รู้จะเถียงให้ได้อะไร ในเมื่อก็มีคนที่ทำตัวแบบนั้นแฝงอยู่กับคนที่ตั้งใจทำงานจริงๆ 

งานนี้คงต้องรวมมือร่วมใจกันของทั้งทัศนมาตรและช่างแว่นตาในการสร้างบ้านใหม่ แล้วคัดเลือกเอาเฟอร์นิเจอร์ใหม่เข้าบ้าน เฟอร์นิเจอร์ไหนที่มันผุๆพังๆ ก็ช่วยกันซ่อมแซม ให้เป็นเฟอร์นิเจอร์ใหม่  แล้วช่วยทำบ้านให้สะอาดสะอ้านน่าอยู่  สมาชิกในบ้านยิ้มแย้มแจ่มใส รับรองได้ว่า แขกที่มาเยี่ยมเยียนนั้น ต้องชอบและมีความสุขที่ได้เข้ามาในบ้านนี้แน่นอน 

 

จากจอประสาทตาเสื่อม วกเข้ามาเรื่องนี้ได้อย่างไร ฮา

ไปดีกว่า เดี๋ยวเว็บโดนแฮ๊กอีก 

สวัสดีครับ 

 

~ดร.ลอฟท์~  


#reference 

-rapid ophthalmology  : Age-related macular degeneration (AMD), dry by Dr Zahir Mirza,Mr Andrew Coombes

-Review of Ophthalmology 2nd ed.