คนไข้หญิง อายุ 29 ปี มาด้วยอาการ "ต้องการแว่นตาที่สามารถใช้งานได้จริง" (ปัจจุบันใส่ contact lens ) ปัญหาของแว่นตาที่เคยทำมาตลอดคือใส่ไม่ได้ เพราะมีอาการปวดศีรษะ โดยเฉพาะบริเวณ บริเวณหว่างคิ้ว รอบๆเบ้าตา แต่กลับไม่มีอาการดังกล่าวเมื่อใส่คอนแทคเลนส์
ประวัติเกี่ยวกับสุขภาพตา
พบจักษุแพทย์ครั้งสุดท้ายเมื่อ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยอาการตาแดง มีตุ่มใต้เปลือกตาจากการใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน (Giant Cell Papilloma ,GPC) หมอ fullow up อีก 1 อาทิตย์
แว่นแรก : เริ่มใช้ตั้งแต่สมัยเรียนประถม ปัจจุบันใส่คอนแทคเลนส์เป็นหลัก และต้องการเลิกใช้คอนแทคเลนส์มาใช้แว่นแทน
ไม่มีประวัติทางสุขภาพตาอื่นๆ ที่ต้องระวัง ไม่มีประวัติเห็นแฟล๊ช (flash) หยากไย่ลอยไปมา (floater) หรือเห็นรุ้งรอบดวงไฟ (Hoalos)
แข็งแรง ตรวจร่างกายประจำปีทุกปี ไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีภูมิแพ้
เป็นทันตแพทย์ ทำงานดูใกล้ ในการทำทันตกรรมเป็นหลัก รวมถึง คอมพิวเตอร์และมือถือ
Cover Test : พบเหล่เข้าแบบซ่อนเร้น (esophoria at near) จากการทำ cover test โดยให้คนไข้ใส่แว่นเดิม
OD -4.75-0.75x167 VA 20/15
OS -5.50-0.75x3 VA 20/15
Associate phoria : 3 prism Base Out (esophoria)
BI-Reserve (Divergence Reserve) : x/8/2
BO-reserve (Convergence Reserve: 18/30/10
Dissociate phoria : 6 prism Base Out (esophoria)
AC/A : 8:1
BI-Reserve (Divergence Reserve) :6/16/4
BCC : 0.75
NRA :+1.75
1.Compound Myopic Astigmatism
2.Accommodative Esophoria
1.Full Correct for Distant with Prism Correction
2.Add Plus to reduce Accommodative Esophoria
Concern ! คนไข้ High AC/A บอกเราว่า การที่เลนส์ตาเกิดการเพ่งแม้เพียงเล็กน้อยนั้นจะไปกระตุ้นการเหลือบเข้า (convergence) ของคนไข้มาก ดังนั้นเดิมขณะที่คนไข้ relax accommodation อยู่แล้วก็ยังมี esophoria อยู่ ถ้าเราจ่ายค่าสายตามองไกลเกินสายตาจริง ก็จะทำให้คนไข้เหล่เข้ามากยิ่งขึ้น ในอัตราส่วน 1:8
หมายความว่า ถ้าเลนส์ตาเพ่ง 1.00D กล้ามเนื้อตาจะเหลือบเข้าถึง 8 prism diopter หรือถ้าจ่ายสายตาเกินมาเพียง -0.25D ก็จะทำให้คนไข้เหล่เข้าเพิ่มขึ้นถึง 2.00 prism diopter (เดิมมีอยู่ 3 ก็จะยิ่งไปสร้างปัญหาให้กับคนไข้)
ดังนั้น การวัดสายตาเพียงแค่เอาชัดนั้น ไม่ใช่การวัดสายตาที่ถูกต้อง แต่ต้องประเมินปัญหาอื่นๆที่จะตามมาด้วย
Accommodative Esophoria นั้นคือเหล่ซ่อนเร้นที่ถูกกระตุ้นให้เกิดจากเลนส์ตามีการเพ่ง ในคนปกตินั้น (คนปกติหมายถึงคนที่ไม่มีสายตามองไกล ซึ่งเป็นละคำกับคนที่ไม่มีปัญหามองไกล คืออาจมีปัญหาสายตาแต่อาจไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหา) คนปกติจะไม่มีมุมเหล่ซ่อนเร้นขณะมองไกล ถ้าจะมีค่าปกตินั้น จะเป็นเหล่ออกซ่อนเร้นไม่เกิน 1 prism base in และเมื่อดูใกล้จะมีเหล่ออกซ่อนเร้นไม่เกิน 3 +/- 2 prism base in
หมายความว่า คนปกติ ถ้าจะมีเหล่ซ่อนเร้น แต่จะมีเป็นเหล่ออก
แต่คนไข้คนนี้มีเหล่เข้าซ่อนเร้น ทั้งไกลและใกล้ และพบว่ามีปัญหาที่ใกล้มากกว่าที่ไกล เนื่องจากว่า ขณะที่คนไข้ดูใกล้นั้น เลนส์ตามีการเพ่งเพื่อให้ภาพชัด และเนื่องจากคนไข้มีค่า AC/A ที่สูงถึง 1:8 หมายความว่า เพ่งไป 1.00 ตาเหลือบไป 8 Prism แต่ที่ 40 ซม. ตาต้องเพ่ง 2.5 D ดังนั้น มุมเหลือบจะไปไกลถึง 8x2.5= 20 prism diopter
แต่ความจำเป็นที่ตาต้องเหลือบดูใกล้ที่ 40 ซม.นั้นเพียง 15 prism ทำให้เหลือบเข้าเกินความเป็นจริงมาถึง 5 prism รวมกับมองไกลอีก 3 prism ก็เลยได้ค่ามาประมาณที่ 6 prism Esophoria
ค่าสายตามองไกลนั้นเราจำเป็นต้องจ่ายตามความเป็นจริง (Full Corrected) อยู่แล้ว เพื่อให้มองไกลชัด (แต่อย่าไปจ่ายเกิน)
แม้ว่าเราจะจ่ายค่าสายตามองไกล ให้เห็นชัดโดยเลนส์ตาไม่มีการเพ่งแล้ว แต่กระนั้นก็ตามก็ยังมีเหล่เข้าซ่อนเร้นซ่อนอยู่ 3 prism ซึ่งกำลังปริซึมที่จะจ่ายนั้น ก็ต้องพิจารณากำลังกล้ามเนื้อตาที่คนไข้สามารถออกแรงชดเชยได้เองร่วมด้วย ซึ่งในเคสนี้ผมจ่ายปริซึมมองไกลช่วยไปบางส่วน คือช่วยไป 1.00 prism diopter Base Out
แม้ว่าในเคสนี้จะเป็นเด็ก และไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการเพ่งเหมือนกับคนสูงอายุ แต่ผมตั้งใจจ่ายเลนส์โปรเกรซีฟที่มีค่า Addition +1.00D เพื่อให้เลนส์ตาคลายตัวขณะที่คนไข้ดูใกล้ และเนื่องจากคนไข้มี High AC/A 8:1 นั่นหมายความว่า การที่ผมจ่ายเลนส์ไป +1.00D จะทำให้คนไข้เพ่งน้อยลง 1.00D. และทำให้เหล่เข้าซ่อนเร้นลดลงถึง 8 Prism Dioptor และได้ผลลัพธิ์สุดท้ายคนคนไข้มีลักษณ์กล้ามเนื้อตาแบบเหล่ออกซ่อนเร้นเล็กๆ (ประมาณ 2 prism) ซึ่งเป็นค่า Norm และคนไข้มีกำลังในการเหลือบเข้ามหาศาลอยู่แล้ว ดังนั้นสบาย
AC/A นั้นเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจในการพิจารณาจ่ายเลนส์สายตาเพื่อแก้ปัญหาการมองเห็น หรือจะจ่ายปริซึมเพื่อแก้ปัญหากล้ามเนื้อตา
บอกเราว่า เลนส์ตากับกล้ามเนื้อตา มีความสัมพันธ์กันน้อย ดังนั้นถ้าในเคสนี้ เราจะไม่สามารถจ่ายปริซึมเพื่อลดเหล่เข้าขณะคนไข้ดูใกล้ได้ถ้าคนไข้เป็น Low AC/A ซึ่งจะต้องพิจารณาในการจ่ายปริซึมหรือบริหารกล้ามเนื้อตาเพื่อเพิ่มแรงในการชดเชยปัญหากล้ามเนื้อตาแทน
บอกเราว่า การไปเริ่มหรือไปลดกำลังเพ่งเพียงเล็กน้อยนั้น จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการทำงานของกล้ามเนื้อตามาก เช่นถ้าเราจ่ายเลนส์สายตาเกินจริง (over minus) จะทำให้กล้ามเนื้อตานั้นเกิดการเหลือบเข้า (convergence) มากกว่าปกติ ซึ่งถ้าคนไข้เป็นตาเหล่ออกอยู่ จะเหล่น้อยลง แต่ถ้าคนไข้เป็นเหล่เข้าอยู่จะเหล่เข้ามากขึ้น เป็นต้น ดังนั้น ในเคสนี้ คนไข้เป็นเหล่เข้าซ่อนเร้น และมี High AC/A ผมจึงพิจารณาจ่าย Add +1.00D เพื่อให้เลนส์ตาคลายตัว เพื่อลด esophoria แต่ถ้าคนไข้เป็นเหล่ออกซ่อนเร้น ผมจะทำแบบนี้ไม่ได้ เพราะย่ิงจะสร้างปัญหาให้มากขึ้น
ก็อยากจะฝากไว้ สำหรับเคสที่มีลักษณะ pattern ที่ common แบบนี้ ซึ่งเจออยู่เรื่อยๆแหล่ะ และเราสามารถใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันในการแก้ปัญหาให้คนไข้ของเรามีชีวิตที่ดีขึ้น มีความสุขกับการใช้สายตามากขึ้น และ โปรเกรสซีฟไม่ใช่ของสงวนไว้สำหรับผู้สูงอายุเท่านั้น เด็กก็สามารถได้ประโยชน์จากมันด้วยเช่นกัน
จบ
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
สมยศ เพ็งทวี ,O.D. (dr.loft)
Prescription
Frame : LINDBERG (Customized)
Lens : Rodenstcok Multigressiv MyView 2 (Unique Customization)