What's Eyewear new

ลืมแว่นไร้กรอบที่เคยรู้จัก ! ! ! แล้วมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่กับ   L I N D B E R G  rimless

by DR.LOFT ,O.D. - 3 December 2019

 

rimless eyewear

"แว่นไร้กรอบ" หรือ "rimless eyewear" คือแว่นตาที่ใช้เทคนิคการประกอบเลนส์สายตาให้เป็นแว่นตาด้วยชิ้นส่วนหลัก 3 ชิ้น คือส่วนของขา 2 ส่วน และ ส่วนของสะพานจมูกอีก 1 ชิ้นยึดโครงสร้างของแว่นเข้าไปที่เลนส์โดยตรง โดยเลนส์จะทำหน้าที่รับแรงของโครงสร้างแว่นทั้งหมด  ดังนั้นเลนส์ที่จะใช้กับกรอบประเภทนี้ เนื้อเลนส์จะต้องมีคุณสมบัติมีเนื้อเลนส์เหนียวไม่เปราะ  ดังนั้นเนื้อเลนส์ที่ใช้จึงเป็นต้องเนื้อ 1.60,1.67,1.74 หรือเนื้อเหนียวอื่นๆอย่างเนื้อ Trivex 1.53 , polycarbonate 1.59 

 

Drilling Tecnique Design

กรอบเจาะแต่ละแบรนด์นั้น ถูกออกแบบให้มีเทคนิคการประกอบที่แตกต่างกันไป แต่ก็แบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ "กลุ่มที่ยึดด้วยการไขน๊อต  กลุ่มที่โดยใช้ปุ๊กพลาสติก และกลุ่มที่ไม่ใช้อะไรเลย"

 

แต่ทุกระบบนั้นใช้เดือยตัวผู้เสียบเข้าไปใสสล๊อต  ดังนั้นขนาดของ slot รูที่ต้องการเจาะจึงสัมพันธ์โดยตรงกับขนาดของเดือย ซึ่งเดือยของแว่นแต่ละดีไซน์ก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันไป  บางชนิดใช้เดือยกลม บางชนิดใช้เดือยวงรี บางชนิดผสมเดือยกลมและเหลี่ยม ซึ่งการเจาะนั้นนอกจะต้องการขนาดรูที่พอดีแล้ว ยังต้องมีเรื่องขององศาของมุมเจาะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  ดังนั้นเทคนิคในการเจาะเลนส์นั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะกรอบเจาะนั้นทุกอย่างนั้นอิสระหมดเลย ซึ่งถ้าไม่คุมตัวแปรให้ดี ก็ทำให้คลาดเคลื่อนได้มากเช่นกัน 

 

สรุปคุณสมบัติที่สำคัญในการเจาะคือ  ขนาดรูต้องพอดีเดือย  มุมองศาการเจาะต้องแม่นยำ เพราะองศาจะเป็นตัวกำหนดทั้งความโค้งหน้าแว่นและมุมเทหน้าแว่น  และหลังประกอบแล้วศูนย์แว่นต้องแม่นยำทั้งในแกน x ในแนว PD และแกน y ในแนว Fitting Hight  และกรอบแว่นบางประเภทนั้นไม่สามารถดัดความโค้งหน้าแว่นหรือมุมเทหน้าแว่นได้ ทุกอย่างจึงต้องคำนวณและกำหนดทั้งขนาดและตำแหน่งเจาะให้ดีก่อนลงมือทำจริง

รูปล่างนี้เป็นตัวอย่างของ slot สำหรับแว่น rimless ของ Lindberg ซึ่งใช้กับ Spirit และ Strip3p ซึ่งขนาดรูคือ 1.1 มม.และความยาว slot คือ 2.43 มม. ซึ่งการกำหนดให้เกิดตำแหน่งรูที่แม่นยำได้นั้น จะต้องการดอกสว่านที่มีความคม ขนาดที่ถูกต้องและมีความแข็งแรง  ถ้าดอกสว่านนิ่ม จะเกิดการแกว่งเล็กๆของดอกสว่าน ซึ่งจะทำให้ขนาดของรูมีความคลาดเคลื่อน ซึ่งในการประกอบเลนส์สำหรับ rimless ของลินด์เบิร์กต้องการความแม่นยำในระดับ 0.01 มม. ถ้าเล็กกว่านี้ก็คับไป ถ้าใหญ่กว่านี้ก็หลวมไป

 

ในรูปบนนั้นเป็นการทดรูระหว่างรอการ calibrate เครื่อง ซึ่งขนาด scale ที่จะทำให้ได้รู 1.1 มม.นั้น ผมต้องโปรแกรมไปที่ 1.14 แล้วจะได้พอดี ซึ่งต้องซื้อเลนส์มาเพื่อทดสอบขนาดรูว่ายังมีความสเถียรภาพอยู่ไหม จากนั้นจึงทำการเจาะเลนส์จริง  

 

เมื่อเครื่องมือพร้อม เราเพียงจะกำหนดตำแหน่งรู x1y1 ,x2y2 ,x3,y3 ,x4y4 แล้วสั่งเครื่องให้ลากเชื่อมรู y1+y2 และ y3+y4 ก็จะเกิด slot ที่ใช่ทั้งขนาดและทิศทางองศาของรู และประกอบเข้าไปพอดี  แต่สำหรับกรอบแว่นชนิดอื่นที่ใช้น๊อต หรือ ใช้ปุ๊กพลาสตินั้น  ขนาดของรูยังคงสามารถหลวมได้เล็กน้อย เพราะมีการไขน๊อตหรือปุ๊กพลาสติกสามารถให้ตัวได้ และเมื่ออัดเดือยเข้าไปก็จะแน่นพอดี 

 

รูปล่างนี้ เป็น slotting coordinate สำหรับเจาะกรอบ Strip3p และ Spirit ซึ่งใช้ขนาดรูแบบเดียวกัน  ซึ่งทุกทรง ทุกไซต์ จะมีการกำหนด x1y1 ,x2y2 ,x3,y3 ,x4y4  ไว้ทั้งหมด และกดหนดค่าดอกสว่านตามที่กำหนด  ดังนั้นเครื่องที่ใช้เจาะจึงมีความสำคัญ​ ซึ่งผมจะนำตัวอย่างมาให้ดู ว่าปัจจุบันมีกี่ระบบ และดีเสียอย่างไร 

Drilling & Edging System 

1.hand free (total manually)  

แบบแรกนี้เป็น  "free hand"  คือเป็นเครื่องที่มีเพียงดอกสว่านให้  ไม่มีเครื่องยึดเลนส์หรือยึดเซนเตอร์เลนส์ใดๆทั้งสิ้นและลักษณะดอกสว่านก็จะเป็นลักษณะที่เรียวเป็นกรวย อยากได้รูเล็กรูใหญ่ องศาขนาดไหน คว้านเอาเองเลย  ส่วนใหญ่เครื่องพวกนี้เป็นค้าที่มาจากทางเมืองจีนเกือบทั้งสิ้น หาซื้อได้ในราคา 2-3 พันบาท  

 

และด้วยความเป็น free hand  ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของงานฝีมือล้วนๆ และแน่นอนว่า ความเสถียรนั้นตามน้ำหนักมือ และตามอารมณ์ ดังนั้นงานที่ได้จากเครื่องเจาะประเภทนี้เรียกว่างานศิลป์ 100%  แต่สำหรับเรื่อง precision แล้วไม่มีเรื่องที่ต้องพูดถึง ยิ่งถ้าเป็นแว่น lindberg ที่ต้องการสเป๊กรูที่เป๊ะแล้ว เรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่เครื่องเจาะแบบนี้จะทำได้ เพราะนอกจากจะต้องเจาะรูให้ได้ขนาดแล้วยังต้องลากให้เกิด slot เกิดขึ้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้ว่ามือขณะที่ลากไปนั้น จะนิ่งได้แค่ไหน

2.HNC drilling machine

HNC ชื่อนี้ผมเรียกมันขึ้นมาเอง เพราะไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร เพราะจะว่า handfree ก็ไม่ใช่ แต่มันคล้ายระบบของเครื่องกลึงเหล็ก  ซึ่งระบบการเจาะแบบ HNC (human numeric control) นี้เป็นระบบเริ่มต้นก่อนที่จะมี CNC (computer numeric control) คือเป็นโมเดลของโรงกลึง คือแทนกลึงนั้นเราจะสามารถปรับแกนเจาะของแทนกลึงได้ในทุกทิศทาง ทั้งแกน X,Y,Z โดยจะมีลูกล้อหมุนแบบ manual ซึ่งลูกล้อหมุน 1 รอบ จะได้ขนาดมา 1 มม. ดังนั้นเราสามารถใช้เครื่องเหล่านี้ทำงานที่มีความละเอียดในระดับเล็กกว่า 0.1 มม.ได้ 

 

ซึ่งเครื่องลักษณะนี้มีการทำงานที่ค่อนข้างซับซ้อน  ดังนั้นช่างแว่นที่สามารถใช้เครื่องประเภทนี้ได้นั้น ต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการคำนวณตำแหน่งเจาะเป็นอย่างดี และถ้าทักษะมากพอนั้น เครื่องลักษณะนี้สามารถทำงานได้ละเอียดเทียบเท่าเครื่อง CNC ได้เลย และสามารถควบคุมการทำงานระหว่างการเจาะได้แบบแมนนวล  เพราะว่าจะหยุดตอนไหนทำได้หมด หรือจะเริ่มตอนไหนที่ขั้นตอนไหนก็ทำได้หมดและเครื่องประเภทนี้นั้นสามารถนำไปประยุกต์ใช้กรอบกรอบแว่นทุกประเภท ไม่ว่าผิวหน้าเลนส์ (base curve) จะโค้ง จะแบนอย่างไร หรืออยากจะสร้างแว่นให้โค้ง ให้เทอย่างไร ก็สามารถปรับองศารูได้ตามใจชอบในสเกลระดับละเอียดได้  เครื่องประเภทนี้เช่นแบรนด์ less stress ,Briot etc

 

ซึ่งราคาเครื่องประเภทนี้อยู่ที่ประมาณ 100,000 บาท แต่ต้องมีทักษะสูงในการใช้งาน ซึ่งผมได้มีโอกาสไปดูร้าน SPOD ซึ่งเป็นแว่นตาเพื่อนสนิทกันที่ จ.มุกดาหาร ซึ่งใช้ระบบเจาะแบบนี้ ซึ่งผมว่ามันเจ๋งมาก และได้แค่เรียนรู้ในหลักการเดินตำแหน่งสว่านไปยังตำแหน่งต่างๆ อย่างแม่นยำ แต่ดูๆแล้วมันต้องใช้ทักษะอย่างมาก  จึงเอาหลักการมาใช้กับเครื่องที่ร้าน  

3.Fully Automatic CNC-machine 

เทคโนโลยีปัจจุบันนั้น ควบคุมการขับเคลื่อนแกน ทั้งในแนวแกน x ,y และ z ด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งความสามารถของคอมพิวเตอร์นั้นค่อนข้างมีเสถียรภาพ ทำซ้ำได้ดี และได้ค่าที่ถูกต้องแม่นยำกว่า ซึ่งเครื่องมือที่ว่านั้นก็คือเครื่อง cnc-machine  ซึ่งเครื่อง cnc นั้นพัฒนาการมาจากอุตสาหกรรมการกลึงเหล็ก ซึ่งในอดีตนั้นการควบคุมทิศทางหัวกลึงนั้นจะถูกควบคุมโดยมนุษย์ ต่อมาเมื่อถึงยุคคอมพิวเตอร์ อุตสาหกรรมก็เปลี่ยนไป  ซึ่ง cnc คือผลผลิตสำคัญในอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเครื่องกลึง กัด เซาะ หรือ เครื่องขัดผิวโครงสร้าของเลนส์ที่เราเรียกว่า เลนส์ฟรีฟอร์ม ก็คือเลนส์ที่ใช้ cnc-machine ในการขัด ตามโปรแกรมที่กำหนดไว้  ดังนั้น cnc จึงมีความเที่ยงตรงสูงมาก  สามารถลงรายละเอียดในขนาดสเกลที่มนุษย์ลงไปไม่ได้ อย่างเช่นเลนส์โปรเกรสซีฟเป็นต้น 

 

ดังน้น cnc นั้นเหมือนใช้หุ่นยนต์ทำงานแทนคนทั้งหมดคือเราจะโปรแกรมข้อมูลเข้าไปว่าต้องการให้หุ่นยนต์กัดเลนส์ตัวนี้ทำอะไรบ้าง เช่นตัดทรงแว่น การลบคม จะลบด้านใดด้านหนึ่งหรือจะลบทั้งสองด้าน แล้วลบกี่มม. จะปัดเงาเลนส์หรือจะปล่อยด้าน หรือจะเซาะร่องเพื่อลงสีด้วยหรือไม่ กว้างร่องลึกร่องเท่าไหร่ และรูที่ต้องการนั้นอยู่ตำแหน่งไหน องศาเป็นอย่างไร จะต้องกำหนดให้เสร็จสรรพ พอกำหนดได้แล้วก็กด enter เครื่องก็จะทำงานเองทั้งหมด แต่ถ้าไม่ระวัง ถ้าหากระหว่างนั้นเกิดนึกขึ้นได้อยากจะไปแก้ไขขั้นตอน ก็ต้องกลับไปเริ่มโปรแกรมข้อมูลใหม่ ซึ่งบางครั้งก็สายเกินไป ต้องเคลมเลนส์  

ดังนั้นการใช้ CNC ในการเจาะนี้ เป็นขั้นตอนที่แม่นยำ เที่ยงตรง ทำซ้ำได้ดี  ได้ทั้ง reliability และ repeatability และช่วยประหยัดเวลาได้มาก แต่ค่าต้นทุนเครื่องมือดีๆนั้นสูงมาก ซึ่งเครื่องที่ผมตัดสินใจลงทุนนั้นหลังจากศึกษาอยู่นาน ก็ตัดสินใจนำเข้าเครื่อง cnc edging system ซึ่งเป็นเครื่องในระดับโรงงานนำเข้าจากเยอรมัน มาใช้ในครัวเรือน ซึ่งเป็นแบรนด์ของ WECO  โมเดล E.6 ซึ่งเป็นรุ่นทอปสุดนั้น ราคาเครื่องอยู่ที่ 1.68 ล้านบาท (ซื้อเบนซ์ได้คันหนึ่ง หรือซื้อบ้านเล็กๆ ได้หลังหนึ่ง) ดอกสว่านดอกละ 4,700 บาท เจาะได้ 1 ชม. (ประมาณ 20 คู่)  

 

ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการเดินเครื่องแต่ละครั้งนั้นมากกว่า 1,000 บาท และ ราคาในการซ่อมบำรุงก็แพงมากเช่นกัน  ซึ่งผมเคยมีประสบการณ์มีหนูแอบเข้าไปทำรังในเครื่องบล๊อกเลนส์ (C.5 -เครื่องกลางบนที่เป็น tower สูงๆ)แล้วฉี่รดแผงวงจร  ซึ่งมูลค่าความเสียหายในการเปลี่ยนบอร์ดนั้น 165,000 บาท  ถ้าซื้อใหม่ 450,000 บาท ซึ่งเป็นค่าเทอมที่สูงเอาเรื่อง  แต่ก็เพื่อให้แว่นที่ออกมาแต่ละตัวนั้นคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ที่คนไข้จ่าย ก็ต้องยอมขับ Vios คันเก่าเพื่อเก็บตังค์จ่ายค่าเครื่องมือไปก่อน 

PROs /CONs กับข้อดี / ข้อเสียสำหรับเครื่องแต่ละแบบ

1.กลุ่มที่ใช้น๊อตยึด (Everything)

screw mounting 

PROs

ข้อดีคือประกอบง่าย รูนั้นสามารถเผื่อหลวมเล็กน้อยได้เพราะถ้ารูใหญ่ไปนิดหนึ่งเดือยคลอนๆ ก็ไขน๊อตให้แน่นได้ ดังนั้นเครื่องเจาะเลนส์พื้นฐานก็สามารถใช้งานได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องอาศัยฝีมือของช่างหรือเครื่องมือในระดับหนึ่งในการคุมเซนเตอร์ให้แม่นยำ 

 

CONs

กลุ่มที่ใช้น๊อตยึด ปัญหาหลักๆที่สำคัญก็คือ "น๊อตหลุด น๊อตหลวม น๊อตหาย" หลังจากการใช้งานไปสักระยะหนึ่งและจะมีปัญหาในกรณีถ้าสายตาสั้นมากๆ ความยาวของเดือยตัวผู้อาจจะยาวไม่พอ ทำให้ไขน๊อตตัวเมียเข้าไม่ได้ หรือถ้าเลนส์บางเกินไปก็จะเห็นเดือยโผล่แหลมออกมาเกะกะ ดูแล้วกลัวว่าจะทิ่มตา จึงจะมีปลอกพลาสติกหุ้มไว้อีกที ช่วยให้ลดความน่ากลัวไปได้บ้าง  ช่างบางคนก็ต้องไปตัดมันทิ้ง  ซึ่งการเจาะระบบนี้มีมานาน ซึ่งน่าจะเป็นยุคแรกๆของกรอบเจาะและยังคงใช้อยู่ในหลายๆแบรนด์ บางแบรนด์ก็เอาความอลังการของอะไหล่นี้มาเป็นจุดขาย  ซึ่งซิ้นส่วนจะดูเยอะมากเพราะต้องมีแหวน มีน๊อต ดูครึกครื้นเกรียวกราว

 

2.กลุ่มที่ยึดด้วยปุ๊กพลาสติก (Somthing)

Plastic Puke mounting

Rimless ที่ยึดด้วยปุ๊กพลาสติก (Puke) ผมคิดว่าน่าจะเกิดขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาแบบเดิมที่มีปัญหาเรื่องน๊อตหลุด น๊อตหลวม และน๊อตหาย  ดังนั้นโครงสร้างจะออกแบบให้กรอบแว่นนั้นมีเดือยคู่ และสร้างปุ๊กพลาสติกขึ้นมา แล้วสวมเข้ารูกันคนละฝั่ง เหมือนในรูป  เลนส์ก็จะสามารถยึดเข้ากับกรอบแว่นได้  กรอบแว่นตาที่ใช้ดีไซน์ลักษณะนี้ เช่น Stepper ,Shilouett ,Rodenstock etc.

PROs

เจาะง่าย ใช้ขนาดรูเจาะให้เท่ากับขนาดของปุ๊กพลาสติก 1.4 มม. หรือ 1.5 มม. หลวมเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร พอเดือยถูกอัดเข้าไปก็จะแน่นได้พอดี  และไม่มีกรณีปุ๊กหลุดหายแน่นอน มีเพียงปุ๊กหลวม ซึ่งแค่ดึงปุ๊กเก่าออกแล้วใส่เข้าไปใหม่เท่านั้นก็แน่นเหมือนเดิม

CONs 

ข้อเสียของแว่นแบบนี้คือ  การที่จะต้องสร้างเดือยคู่นั้น จะต้องอาศัยคานจมูกที่ยาวมาก ทำให้คานแว่นที่อยู่บริเวณจมูกนั้นดูยาวมาก และในคนที่หน้าเล็กๆ PD แคบๆ นั้นเราจะมองเห็นคานจมูกแว่น  ดูแล้วเกะกะรำคาญทั้งผู้ที่ใส่อยู่และผู้ที่มองดู  ข้อเสียอีกอย่างก็คงจะเป็นเนื่องปุ๊กพลาสติกหลวมเนื่องจากเป็นพลาสติเมื่อใช้งานไปสักระยะหนึ่งก็จะทำให้แว่นสามารถโยกเยกได้

 

3.กลุ่มที่ไม่ใช้อะไรช่วยในการยึดเลย (Nothing)

mounting with nothing

Rimless กลุ่มนี้เป็นพื้นฐานของกรอบแว่นตาลินด์เบิร์กทุกตัว ตั้งแต่รุ่นเมื่อ 40 ปีที่แล้วที่ปัจจุบันคนก็ยังหลงไหลในความคลาสิกของ  air titanium อยู่ด้วยใช้เทคนิคการออกแบบที่เฉียบขาด ที่ไม่ต้องการจะมีน๊อต ไม่อาศัยสกรู ไม่เอาปุ๊ก  และไม่เอาอะไรเลย จะเอาแว่นอย่างเดียว ด้วยการเสียบคลิปไทเทเนียมเข้าไปที่ตัวเลนส์โดยตรง โดยไม่ต้องใช้ตัวช่วย จากนั้นก็จาก air classic ก็เกิด break trounght innovation อีกครั้ง จากนั้นก็เบ่งบาน คลอดลูกหลานออกมาหลายๆรุ่นที่มี DNA ของพ่อมาเต็ม เช่น spirit titanium ,spirit8 titanium (discontinued) ,strip3p , strip3star (discontinued) ซึ่งการดีไซน์ลักษณะนี้ เห็นจะมี Lidnberg แบรนด์เดียวที่ทำ  ซึ่งวันนี้เราจะไปทำความรู้จักกับกรอบเจาะของลินด์เบิร์กกันให้มากขึ้น

 

rimless titanium eyewear

LINDBERG rimless titanium นั้นเป็นกรอบแว่นตาได้ขึ้นชื่อในเรื่อง “ความ สง่า งาม ภูมิฐาน น้อยๆแบบ minimalist style และ นำ้หนักเบา”  แต่อย่าตัดสินความร่างเล็กของเธอด้วยทัศนคติกับแว่นกรอบเจาะขาเล็กเรียวบางว่าจะบอบบาง หัก และพังง่าย อย่างที่คุณเคยรู้จัก เพราะเธอแข็งแรงจนคุณต้องคิดว่านี่มัน miracle!!!  ชัดๆ  เธองดงามบริสุทธิ์และแข็งแกร่งราวกับปาฎิหารย์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้บนโลกใบนี้  คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ Lindberg rimless titamium เป็นแว่นตาในฝันของใครต่อใครที่พอได้เข้ามารู้จักและได้สัมผัสแล้วก็ยากที่จะปันใจเป็นอย่างอื่น ก็เธอดีขนาดนี้  ให้ตายก็หาไม่เจอ

 

ดังนั้นถ้าเจอแล้วก็อย่าได้เสียเวลาหาใหม่ อยู่กับเธอไปจนวันสุดท้ายของชีวิต เพราะเธอจะไม่จากคุณไปไหน บางทีอายุของเธอนั้นยืนยาวอาจจะมากกว่าคุณ  แต่ต่างที่คุณแก่ลงทุกวัน แต่เธอไม่ยอมแก่ และก็ยังดูงามดูสวยแม้จะผ่านกาลเวลาไปนานแค่ไหน  เพียงเปลี่ยนถุงเท้าซิลิโคนให้เธอเปลี่ยนแป้นรองจมูกให้เธอ เธอก็จะกลับมาดูสวยเหมือนวันแรกที่คุณมีเธออยู่บนหน้า แล้วคุณจะหลงรักเธอหัวปักหัวปัม

Design

ด้วยน้ำหนักที่เบาเกินกว่าที่คุณจะจินตนาการถึงว่า 1.8 กรัมนั้นถ้าเบากว่านี้คงจะเป็นขนนกแล้วหล่ะ  ซึ่งแว่นที่เบาขนาดนี้ ด้วยเทคนิคการออกแบบที่สร้างสรรค์ของสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม ที่ทิ้งทุกอย่างที่เป็นสิ่งฟุ่มเฟือยออกทั้งหมด ไม่มีสกรู ไม่มีหมุดย้ำ ไม่มีจุดเชื่อม ซึ่งทั้งหมดนี้รังสรรค์ขึ้นผ่านแร่ไทเทเนียมที่มีคุณภาพดีที่สุดจากมุมต่างๆของโลก เกิดเป็น LINDBERG rimless titanium ขึ้นมาที่เบา ยืดหยุ่น และอายุการใช้งานที่ยาวนานที่สุด

customise

คำว่า customise หรือ custom หรือ Taylor made นั้นเราคุ้นเคยกับการตัดสูทมากกว่าที่จะนึกถึงกรอบแว่นตา ขนาดเสื้อเรายังอยากจะใส่ให้พอดีตัว แล้วทำไมแว่นตาเราถึงจะอยากใส่แต่ของสำเร็จ หยิบมาลองๆ ๆ ๆ  แล้วก็ลองไปเรื่อยๆ บางอันชอบแต่ขนาดไม่พอดีหน้า บางอันพอดีหน้าแต่ไม่ชอบ แล้วก็ shopping around ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอเนื้อคู่ หรือก็ไม่ได้เจออีกเลย แล้วก็ได้เนื้อคู่ที่ไม่อยากได้มาใส่อยู่บนหน้าตลอดเวลา ไปไหนมาไหนก็หิ้วกันไปทุกหนทุกแห่ง แว่นบางชนิดดูไม่ได้เลย  เช่นช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ผมว่าถ้าลุงมิ่งแกใส่แว่นให้ดีกว่านั้น น่าจะได้คะแนนเสียงมากขึ้นก็เป็นได้  ใครนึกไม่ออกลองไปหาใน google ดู ซึ่งผมเห็นแล้วก็อยากจะทำแว่นใหม่ให้แกเหลือเกิน จะว่ารสนิยมก็ไม่น่าจะใช่  เพราะคงไม่มีใครมีรสนิยมชอบกินของที่ไม่อร่อย จะมีก็เพียงแต่ยังไม่รู้ว่ามันมีของอร่อย  เช่นเดียวกัน ส่วนใหญ่เป็นเพียงเพราะเราไม่เคยรู้ว่าของดีมันเป็นอย่างไร ก็เลยคิดว่าที่มีอยู่นั่นดีแล้ว  แต่เราจะเข้าใจก็ต่อเมื่อ เราได้เจอความจริง ที่จริงยิ่งกว่า  เช่นครั้งหนึ่งมนุษย์เคยเชื่อว่าโลกแบน จนกระทั่ง "คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส" พบว่าโลกไม่ได้แบนแต่กลม นี่คือความจริงที่จริงยิ่งกว่า แล้วความคิดของมนุษย์ก็เปลี่ยนไป แล้วทิ้งของเก่าไว้โดยไม่สนใจ 

Lindberg Customizer

ความจริงนั้นเราไม่ได้อยากใส่ของสำเร็จ แต่เราไม่เคยรู้ว่ามันมีแว่นที่สามารถสั่งคัสตอมให้เข้ากับหน้าได้ เราอาจจะเจอทรงแว่นที่ชอบ แต่ขนาดไม่เหมาะกับหน้า เราไม่เคยรู้ว่ามันมีแว่นที่ทำขนาดให้พอดีหน้า สีให้ถูกใจ ความยาวขาให้พอดีหู  จมูกแว่นที่เข้าได้กับทุกทรงจมูก เหล่านี้เป็นเรื่องใหม่ของคนไทย ซึ่งพึ่งจะรู้เมื่อไม่กี่ปีนี้มาเอง เพราะเราไม่เคยรู้ว่า LINDBERG มันสั่งคัสตอมได้  จนกระทั่งลินด์เบิร์กทำตลาดในประเทศไทยเองและถ่ายทอดวิญญาณแบรน์ขึ้นมาผ่านทาง application customizer ให้เราสามารถดีไซน์กรอบแว่นตาได้ด้วยตัวเอง

ดังนั้น สิ่งที่ต้องเข้าใจกันใหม่คือกรอบแว่นตาของลินด์เบิร์กที่นอกจากรุ่นที่ยกเลิกการผลิต(discontinued) แล้วสามารถสั่ง custom ได้ทุกจุด แว่นกันแดดที่เลือกสีเลนส์ตามความต้องการได้  ลาลวดแบบตีโป่งให้พองขึ้นมาโดยน้ำหนักไม่เพิ่ม สีสำหรับทำสีร่องเลนส์

 

ดังนั้นความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ LINDBERG rimless titanium ต่างจากแว่นตลาดทั่วไปคือ เราสามารถเปลี่ยนทรงเลนส์ตามแต่สุดจะจินตนาการ ไม่ว่า ทรงเหลี่ยมหรือโค้งมน หรือผสมกันทั้งโค้งทั้งเหลี่ยม เล็กใหญ่ได้หมด แล้วสาดสีขอบเลนส์เป็นเส้นสายที่ไม่ต้องกลัวว่าจะไปซ้ำกับใคร  ดังนั้นถ้าคุณคิดว่าไม่สามารถหาทรงแว่นที่มีสไตล์ที่คุณชอบและพอดีกับหน้าคุณ ลองมาคัสตอมกับ lindberg rimless และถ้ายังหาไม่เจอ มีทางเดียวก็คงต้องไปทำเลสิก หรือไปหาทางอื่นที่ไม่ใช่แก้ปัญหาสายตาด้วยแว่น หรือไม่คุณก็อาจจะยังไม่เข้าใจเรื่องศิลปะหรือความสวยงาม คือไม่รู้ว่าแบบไหนที่เรียกว่าสวย เพราะถ้าไม่รู้ขนาดนั้น มีให้เลือกเป็นล้านแบบก็คงหาไม่เจอ

 

Colours

"สีสันที่งดงาม" คือคุณสมบัติโดดเด่นอันเป็นอัตลักษณ์ของกรอบแว่นตาลินด์เบิร์ก ด้วยเทคนิคการทำสีไทเทนียมที่พิเศษสุดด้วยมือ ทำให้เฉดสีของไทเทเนียมนั้นเกิดความหลากหลายไล่เลี่ยกันทีละน้อย แม้ความชมพูก็ยังมีชมพูอ่อน ชมพูกลาง ชมพูม่วง หรือทองชมพู เลือกได้อิสระกว่า 35 เฉดสี

ยิ่งไปกว่านั้น ทุกชิ้นส่วนของลินด์เบิร์กไม่ว่าจะเป็นส่วนหน้าของแว่น ส่วนขาของแว่น ส่วนที่เป็นคลิปที่ตำแหน่งรูเจาะ นั้นสามารถเลือกทำสีได้อิสระ และสีของเลนส์ก็สามารถลงสีตามขอบให้เป็นสีเดียวกันกับขาหรือเป็นสีต่างๆตามจินตนาการของแต่ละคนได้  ลินด์เบิร์กจึงเป็นกรอบแว่นตาแบรนด์เดียวที่ช่วยสร้างความฝันในจินตนาการของคุณให้เป็นจริงขึ้นมาได้

 

Temple

ขาแว่นคือส่วนที่สำคัญที่สุดของแว่นตาประเภทไร้ขอบ คือแว่นจะสวยไม่สวย อยู่บนหน้าแล้วดูแพงหรือดูไม่ค่อยแพงหรือราคาถูกก็อยู่ที่แบบของขานี่แหล่ะ ขาของ Lindberg rimless นั้นใช้โครงสร้างเป็นไทเทเนียมคุณภาพสูง ที่ออกแบบให้เกิดความหลากหลายของดีไซน์มากถึง 17 แบบสำหรับ spirit titanium , 5 แบบสำหรับ strip3p titanium และแต่ละแบบก็เลือกความยาวขาให้พอดีกับหูได้ และเลือกสีได้ 35 เฉดสี จะชอบสีด้าน สีเงา หรือผสมสีทั้งด้านทั้งเงา เลือกกันให้ฉ่ำกันไปข้างหนึ่ง  แล้ว Lindberg ที่เป็นเราก็จะแสดงตัวตนและอัตลักษณ์ซึ่งเป็นรสนิยมของเราให้ดูโดดเด่นขึ้นมาเป็นตัวตนเดียวกันกับเรา

Grove colours

หากเรารู้สึกว่าการเป็น rimless มันดูโล้นเกินไป หรือมันดูไม่มีอะไรเกินไป และอยากให้มันดูมีอะไรบ้าง แต่ไม่อยากได้เยอะ อยากได้น้อย  การทำสีขอบเลนส์เป็นเส้นเล็กๆ ด้วยสีทาขอบเลนส์ที่มีลักษณะเป็นเกล็ดมุกประกายแสงเล็กๆวิ่งตามขอบเลนส์ ให้เห็นเป็นขอบเขตเลนส์ที่อุตส่าห์เสียเวลานั่งเลือกอยู่เป็นชั่วโมงให้เห็นชัดขึ้น ก็สวยหรูดูดีไปอีกแบบ

 

Spirit titanium

Spirit titanium เป็น collection ของ rimless ที่เรียกได้ว่า modern classic สุดของ Lindberg เลยก็ว่าได้ ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายสุดๆในระดับ Ultra-minimalistic style แล้ว มั่นใจได้ว่า ไม่มีอะไรที่จะเป็นอุปสัคส่วนเกินอยู่บนหน้าของคุณเลย  และด้วยน้ำหนักแว่นทั้งตัวเพียง 1.8 กรัม สิ่งที่คุณจะได้จาก spirit จึงได้ทั้งในเรื่องของ comfort และ design

 

Strip3p titanium

Strip3p titanium นั้นเป็นแว่นตาในกลุ่ม modern rimless ของลินด์เบิร์ก โดยที่มาของชื่อนั้น มีความหมายว่า ใช้ดีไซน์ของบานพับแบบ stip titanium แต่กลไกการยึดเลนส์นั้นใช้จุดยึด 3 ชิ้น คือที่เดือยบริเวณบานพับของขา กับอีกหนึ่งชิ้นคือสะพานจมูก

ความโดดเด่นของแว่นรุ่นนี้ อยู่ที่สะพานจมูก ที่เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมการออกแบบที่มีความทันสมัย เส้นสายที่เฉียบคม และใช้เทคนิคการประกอบที่เรียกได้ว่า “เฉียบขาด” ทุกอย่างสร้างขึ้นด้วย precise laser cut titanium ชิ้นเดียวโดยไม่มีการเชื่อมต่อ เรียกได้ว่า เป็น perfect match ของ advanced craftmanship กับ minimalistic design หลอมรวมกันอยู่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

ทิ้งท้าย

 L I N D B E R G   ในความคิดของผมนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่ "เกินคำว่าแว่นตาไปแล้ว"  เพราะสิ่งที่ผมมองเห็นนั้น Lindberg เป็นสุดยอดของเครื่องมือแพทย์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้การแก้ปัญหาการมองเห็นให้มีประสิทธิภาพสูงสุด  เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่เข้าใจหัวใจของคนใส่แว่นว่าต้องการแว่นแบบไหน เช่น เป็นแว่นที่เบา ใส่สบาย บาลานซ์ดี ใส่กระชับ แข็งแรง ทนทาน แต่ก็ยืดหยุ่น ดัดปรับแต่งได้ตามโครงสร้าง  จมูกจะเบี้ยว หูจะสูงต่ำไม่เท่ากัน ก็ปรับได้หมด  สั้นๆคือ "ต้องเบา"  ความเบาจะต้องทำให้มีชิ้นส่วนน้อยๆ  ละจะทำน้อยๆให้สวยนี่จะทำอย่างไร  เพราะต้องตัดสิ่งที่รกรุงรังออกทั้งหมด  แต่ลินด์เบิร์กหาจุดนั้นเจอ หรืออาจเรียกว่าเป็นจุด "PERFECT BALANCE" เกิดเป็น minimalistic design ที่หลอมรวมระหว่าง Functionalistic กับ cosmetic  ได้อย่างพอดี 

 

 ดังนั้นแว่นที่ใส่ใจเรื่องความเป็น individual ขนาดนี้นั้น  ผมมองไม่เห็นว่ามีแบรนด์ใดสามารถทำได้ดีกว่าลินด์เบิร์ก ทั้งในเชิงฟังก์ชั่นเพื่อการรักษา  ความสวยงามในเชิงศิลปศาสตร์ และความไฮคลาสในเชิงรสนิยม และด้วย knowhow ที่สร้างสมอยู่ใน brand DNA ต่อเนื่องมายาวนานกว่า 40 ปี นั้น ยากที่จะเกิดสินค้าลอกเลียนแบบที่สามารถทำได้ใกล้เคียง เพราะสินค้าลอกเลียนแบบไม่ได้อินกับ Lindberg-DNA ขนาดนั้น   เพราะการ copy เกิดจากพื้นฐานจิตใจในการออกแบบก็ไม่เป็นกุศลอยู่แล้ว ดังนั้นจิตที่อกุศล ย่อมไม่สามารถสร้างชิ้นงานที่ดีที่เป็นกุศลออกมาได้  ทำให้ความแข็งแกร่งของแบรนด์ลินด์เบิร์กในปัจจุบันนั้น ยากที่แบรนด์อื่นจะตามทัน 

 

ดังนั้น มื่อมีสินค้าดีๆ เกิดขึ้นมาแล้ว  ร้านค้าที่เป็น authorized retailer นั้นก็ต้องภาคภูมิใจในการเป็นตัวแทนของแบรนด์  ที่เป็นผู้ทำหน้าที่ในการถ่ายทอด Brand characteristic ไปสู่ผู้บริโภค ให้ได้อารมณ์ความรู้สึกในความเป็นแบรนด์ลินด์เบิร์กอย่างแท้จริง  

 

การทำลายแบรนด์ อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือตั้งใจทำ เช่นการแข่งขันกันทำโปรโมชั่น ด้วยการแข่งขันกันลดราคาไม่ใช่วิถีของการเป็นตัวแทนที่ดี และส่วนตัวผมคิดว่าการเล่นตลาดแบบนั้นก็ไม่เห็นจะเท่ตรงไหนเลย ดู look cheap เสียด้วยซ้ำ และลินด์เบิร์กก็คงไม่ชอบที่เห็น authorized retailors ของตัวเองจะแข่งขันกันในรูปแบบนั้น  เพราะกว่าจะสามารถขึ้นมาเป็นแบรนด์ระดับบนๆของโลกนั้น ไม่ใช่ของง่าย  มันต้องมีทั้ง knowhow ,innovation และ brand DNA ที่ดีจริงๆ และทำต่อเนื่องมานานมากพอ จนโลกยอมรับ  แล้วอยู่ๆ ก็มีใครก็ไม่รู้ ไม่อินแบรนด์ แล้วก็ทำลายเหมือนที่ทำกับแบรนด์อื่นๆ  ซึ่งแบรนด์ส่วนใหญ่ก็พังเสียจนไม่ค่อยมีเหลือแล้ว ขอไว้สักแบรนด์ก่อนจะเหลือเพียงแค่ตำนานว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นแบรนด์ในฝัน แล้ววันหนึ่งก็ตื่นมาพบว่า แค่ฝันไปจริงๆด้วย 

 

ก็อยากจะฝากเอาไว้  จะถูกใจไม่ถูกใจ แต่นี่ก็เป็นความคิดส่วนตัวที่อยากจะเก็บแบรนด์ดีๆ ไว้ให้เกิดความภูมิใจ และผมก็เชื่อว่า คนที่ใส่ลินด์เบิร์กอยู่ คุณก็รักเขาไม่ต่างกับผม เรามาช่วยกันเก็บแบรนด์ที่เราภูมิใจนี้ไว้ให้อยู่นานๆ จะดีกว่า 

 

ก็หวังว่า จะ enjoy หรือไม่ก็  ennoy กับ content เรื่อง rimless eyewear กันไม่มากก็น้อย  สำหรับท่านที่ต้องการรู้จัก Lindberg เพิ่มเติมก็ไปหาศึกษาได้ที่ลิ้งที่แนบมาด้านล่างนี้ ซึ่งผมก็เอาพื้นฐานของเนื้อหามาจากในเว็บของ Lindberg นั่นแหล่ะ แต่นำมาแปลและถ่ายทอดในมุมของ Dr.Loft  ขอให้มีความสุขทุกคนครับ 

 

ขอขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตาม

~ DR.LOFT ~

Loft Optometry ,578 Wacharapol rd, Tharang ,Bangkhen ,BKK 10220

Mobile : 0905536554

line : loftoptometry

 

Reference 

Lindberg  rimless eyewear ได้ที่ล้ิง  : https://lindberg.com/en/featured/rimless-eyewear 

Lindberg  rim titanium (By Dr.Loft) : https://www.loftoptometry.com/whatnew/rim_titanium 

Lindberg  brand story (by Dr.Loft)  : https://www.loftoptometry.com/whatnew/ทำไมผู้บริหารระดับสูง นิยมเลือกกรอบแว่นตาลินด์เบิร์ก