Date : 29 October 2023
ขณะนี้เป็นเวลาตีหนึ่ง ณ บ้านเสลียงแห้ง อ.เขาค้อ ซึ่งเป็นบ้านที่ผมวางแผนอนาคตว่าจะมาใช้ชีวิตหลังเกษียรที่นี่ ซึ่งเวลานี้หากเป็นที่ กทม. ผมคงหลับไปตั้งแต่ 5 ทุ่ม แต่บรรยากาศที่นี่ ทำให้ผมไม่อยากจะนอน เพราะอยากจะเก็บช่วงเวลาแบบนี้ไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
ขณะที่ผมพิมพ์อยู่นี้ อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 19 องศา ผมนั่งที่ระเบียง ฟังเสียงจิ้งหรีดเรไร พร้อมกับเสียงเขียดตัวน้อยๆ แข่งขันกันร้องเพลงด้วยความสุขอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ทำให้ผมได้ความคิดว่า จริงๆความสุขสำหรับจิ้งหรีดกับเขียดนี้ช่างเรียบง่ายเสียเหลือเกิน ต่างจากคนที่ความสุขนั้นต้องใช้เงินเยอะเหลือเกิน และ บางครั้งใช้เงินมากแล้วก็ยังหาความสุขไม่เจออยู่ดี
ขณะที่ผมเขียนอยู่นี้ หมอกลงหนามาก ผมสามารถเห็นละอองหมอกที่วิ่งผ่านหลอดไฟ จำทำให้หลอดไฟนั้นดูนวลขาวไปหมด ทุกอณูที่หายใจเข้านั้นรู้สึกได้ว่าอากาศที่วิ่งเข้าไปที่ปอดนั้นเป็นอากาศที่บริสุทธิ์จริงๆ มันชุ่มฉ่ำปอดเสียจริง และ ผมหวังว่าพรุ่งนี้จะได้เห็นทะเลหมอก
บรรยากาศของค่ำคืนนี้ ทำให้ผมรู้สึกถึงคำว่า “why” มากขึ้น ว่าเวลาคนวิ่งหาอะไรสักอย่างหนึ่ง หรือ ทำอะไรสักอย่างหนึ่งที่เป็น routine เคยถามตัวเองไหมว่า “ทำไมถึงทำ หรือ ทำไปทำไม” และถ้าคำว่า “ทำไม” นั้นคือเงิน แต่ถ้าทำไปแล้วไม่ได้เงิน ยังจะทำอยู่หรือไม่ และ ถ้าทำได้แล้วได้เงิน why ของเงินนั้นคืออะไร บ้างอาจจะบอกว่า เอาไปซื้อ iphoe 15 promax บ้างว่าจะเอาเงินไปซื้อ BYD SEAL performance และ บ้างก็ไม่รู้เอาไปทำไร แต่ขอหาเอาไว้ก่อน อนาคตไม่แน่ไม่นอน ก็หาไว้ก่อน แต่อีกนัยหนึ่งก็คือ ไม่รู้ว่า why ของตัวเองนั้นคืออะไร ซึ่งผมก็ไม่รู้แทนคนอื่นแต่ก็รู้ว่า why ของตัวเองคืออะไร
Why ของผมก็มีอยู่หลายระดับ แต่ถ้าจะให้ตอบว่า why สูงสุดคืออะไร คำตอบก็คือ สาธารณสุขด้านสายตาในประเทศไทยของเรา ทำงานดีเหมือนกันทั้งหมด เอาสุขภาพของผู้คนเป็นที่ตั้งจริงๆ ไม่หลอกลวง ไม่เป็นเด็กเลี้ยงแกะ ทัศนมาตรทำงานเต็มศักยภาพของตัวเองจริงๆ ไม่ใช่ทำหยาบๆ งานชุ่ยๆ แล้วทำโปรโมชั่นหลอกคน ซึ่งผมเห็นฝีด โปรโมชั่นวันตำรวจ ผมก็นึกตลก แต่ก็มีข้อดีคือทำให้ผมรู้ว่ามีวันตำรวจ แต่ผมไม่ใ่ช่ตำรวจ และ เชื่อว่าผมเข้าไปผมก็จะได้โปรโมชั่นเหมือนกัน อีกนัยหนึ่งนี่เป็นการหลอกลวงผู้บริโภคหรือเปล่า
Why ที่เล็กลงมาคือ อยู่ทำงานเพื่อช่วยให้คนไข้ที่มีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบการมองเห็น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสายตา ปัญหาโฟกัสภาพ หรือ ปัญหาของกระบบการทำงานร่วมกันของสองตา ได้รู้ปัญหาที่แท้จริง และ แนวทางการแก้ไขที่ถูกต้องเหมาะสมจริงๆ และ ทำให้คนไข้ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น วัยทำงานทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น วัยเด็กได้เรียนเต็มศักยภาพ วัยเกษียรได้ท่องเที่ยวเห็นโลกงามเต็มที่ ได้ทั้งงานได้ทั้งความสุข และ why ของผมก็คือ ความสุขที่ได้เห็นคนมีความสุข
เมื่อได้ why ที่ชัดเจนแล้ว ก็ต้องกำหนด how ว่าจะทำอย่างไร ให้ why นั้นสำฤทธิ์ผล ซึ่งสิ่งที่พอจะคิดได้คือ ศึกษา หาความรู้ ฝึกทักษะ พระท่านเรียกว่า สุ(ฟัง) จิ(คิด) ปุ(ถาม) ลิ(เขียน) นั่นแล และ ธรรมอีกอย่างหนึ่งซึ่งเป็นธรรมะของพระพุทธเจ้าที่นำไปสู่ความสำเร็จคือ อิทธิบาท 4 ฉันทะ(รัก) วิิริยะ(ขยัน) จิตตะ(เอาใจใส่) วิมังสา(พิจารณาใตร่ตรอง) และ อีกธรรมะหนึ่งคือ ปริยัติ(เรียนรู้) ปฏิบัติ(ลงมือทำ) ปฎิเวชะ(อยู่กับมัน) ธรรมทั้งหลายเหล่านี้ จะเป็นตัวหล่อเลี้ยง pasion ในระหว่างการสร้าง how
เมื่อเกิดความรู้แล้วก็ถ่ายทอดความรู้นี้ ลงไปในงานทัศนมาตรที่ทำอยู่ และ ถ่ายทอดความรู้ที่มีอยู่นี้ลงไปในตัวหนังสือเพื่อถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ไว้เป็นแนวทางสำหรับคนที่สนใจจะเดินทางนี้
หลายคน burn out เพราะ หมด passion ซึ่งจริงๆมันคือ “หมดรัก”และสาเหตุของการหมดรัก มันก็ขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น ทัศนมาตร เรียนจบออกมาตั้งใจว่าจะเป็นหมอ ทำงานช่วยให้คนเห็นโลกที่ดีขึ้น แต่ถูกจ้างไปอยู่ร้านแว่นที่เน้นขายของ เครื่องมือไม่ถึง ห้องตรวจไม่ได้ เวลาไม่ได้ ไม่ให้ตรวจนาน ไม่ให้ตรวจละเอียด เพราะกลัวจะเสียโอกาสขายของ นานๆเข้าก็เกลียดงานที่ตัวเองทำ สุดท้ายก็หมด passion และ burn out ในที่สุด ความรักในสิ่งที่ทำจึงสำคัญ แต่ถ้ารักในเงิน ปัญหาคือถ้าทำดีแล้วไม่ได้เงิน ก็ไม่ทำดี แต่ถ้าทำเลวแล้วได้เงิน ก็ทำ แบบนี้ใช้ไม่ได้ และ ไม่สมควรอยู่เป็นภาระของมนุษย์โลก
What ที่ออกมาจากรากฐานของ why และ มรรคคือ how ก็นำไปสู่ what หรือ product ที่ออกมาคืองาน craft optical treatment ที่ถ่ายทอดผ่าน frame และ lens ซึ่งเป็นงานศิลปะสวยงาม และ ศิลปะทางการประกอบโรคศิลป์ ซึ่งช่วยทั้งดูดี และ ชีวิตดี
แว่นตา จึงไม่ใช่แค่แว่นตา แต่มี base story ของ science ในหลายๆแขนง ไม่ว่าจะเป็น architech, fashion design ,engineer ,optometry เป็นต้น เพื่อหล่อหลอมเกิดเป็น what ที่เรารู้จักคือ “แว่นตา”
แต่ก็มีแว่นตาอีกประเภทหนึ่ง ที่มองแว่นตาเป็นเพียง accessoreis ที่มีแต่ maketing base story ด้วยการ hardsale หนึ่งแถมสองแถมสาม โปรโมชั่น เพราะ why ของ กลุ่มนี้คือ money
แต่ก็ไม่มีอย่างไหนถูกจริง หรือ ผิดจริง มันก็เป็นเพียงเรื่องของการให้ค่าของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน คนรักไวน์ ขวดเท่าไหร่ก็จะจ่าย คนรักเครื่องเสียง กี่แสนกี่ล้านก็จ่าย คนรักมือถือแพงแค่ไหนก็จ่าย คนรักกระเป๋าเสื้อผ้าแพงแค่ไหนก็จ่าย คนรักสุขภาพแพงแค่ไหนก็จ่าย ของทุกอย่างจึงมีปราณีตสุดและหยาบสุด สนองการให้คุณค่าของแต่ละคน เลยเกิดเรื่องของ brand positioning เพื่อแสดงที่ยืนชัดเจนใจตลาดว่า เขาอยู่กลุ่มไหน ทำ product และ service ให้กับใคร
ทัศนมาตรก็เช่นกัน หา why ของตัวเองให้เจอ ถ้า why คือการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ผ่านงานที่ทำเพื่อช่วยให้คนเห็นดีขึ้น ก็ทำแบบที่พูดมาข้างต้น แต่ถ้า why คือ money ก็เล่นตลาดเยอะๆ ขายถูก ๆ แถมเยอะๆ โปรโมชั่นดีๆ ทีนี้ก็มาขึ้นอยู่กับ ใครถูกกว่าใคร ลึกลงไปก็คือ สายป่านใครยาวกว่าใคร และสำคัญ อย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง มีแต่หักกับหัก
“สัปเหร่อ” เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ดี หนังบ้านๆ ทุน 10 ล้านแท้ๆ สามารถสร้าง value ให้กับหนังที่สร้าง value ได้มากกว่า 500 ล้าน และ ไม่มีทีท่าว่าจะซาลง ทั้งนายก ทั้งรัฐมนตรี แห่กันเกาะชายจีวรของตองเต ด้วยการเหมาโรง และ หยิบ soft power ขึ้นมาเป็นเรื่องเป็นราว
ดังนั้น point คือไม่ใช่ ทุนเท่าไหร่ ขายเท่าไหร่ แต่เราสามารถสร้าง value สูงสุด บนทุนที่มีได้มากน้อยแค่ไหน เช่น คนไข้มีกำลังจ่ายเท่านี้ จะทำให้เลนส์คู่นั้นๆ มันดีที่สุดได้อย่างไร จะตรวจอย่างไร จะคุมคุณภาพการทำงานอย่างไร จะวางเซนเตอร์อย่างไร จะดัดแว่นอย่างไร ให้มันดีที่สุดเท่าที่มันจะทำได้ เหล่านี้คือการสร้าง value ซึ่งมันไม่ได้หมายความว่า value จะต้องตีมูลค่าเป็นเงินเสมอไป มันอาจจะเป็นเรื่องความสุข ความสัมพันธ์ หรือ เรื่องอื่นๆ
แต่ปัญหาคือ ส่วนใหญ่ในวงการมัน under value กันเสียส่วนใหญ่ คือจ่ายมากแต่ได้น้อย หรือ มันไม่คุ้มกับที่จ่าย เมื่อรู้สึกว่าไม่คุ้มกับที่ต้องจ่าย ผู้บริโภคจะขอต่อราคาให้ได้มากที่สุด ส่วนผู้ขายก็พยายามลดให้ได้มากที่สุด นั่นแหล่ะ คือสิ่งสะท้อน product ที่ under value
สรุป ก็ไม่ได้มีอะไรมาก วิวมันสวย บรรยากาศมันได้ เลยใช้นิ้วพิมพ์ความคิดตัวเองถ่ายทอดลงมาเป็นตัวหนังสือ
ก็ขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตาม ในเพจนี้ผมไม่ค่อยได้อัพเท่าไหร่ แต่ก็ทำงานอยู่ทุกวัน มีแอบหนีเที่ยวบ้างประปราย แต่ส่วนใหญ่ผมจะทำอยู่ในเว็บไซต์เป็นหลัก และ ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้แชร์มายังเพจ ท่านที่อยากจะอ่านหรือศึกษา ก็เข้าไปที่ www.loftoptometry.com เผื่อจะมีเนื้อหาอะไรที่ท่านสนใจหรือค้นหาอยู่ ซึ่งก็หวังว่าท่านจะได้คำตอบ แต่ถ้าไม่ได้ ก็โทรมาที่เบอร์ 090-553-6554 ยินดีตอบทุกคำถามครับ
ทิ้งท้ายด้วยวิวสวยๆหน้าบ้านที่หมู่บ้านเสลี่ยงแห้ง3 หนองแม่นา เขาค้อ ซึ่งเป็นบ้านที่ผมมักจะแอบหนีไปชาร์จแบตที่นี่ปีละ 4-5 ครั้ง และ หวังว่าจะมาเกษียรที่นี่ ปลูกผัก ปลูกหญ้า เลี้ยงแมว อ่านหนังสือ เขียนงานวิชาการ ส่งต่อให้เด็กทัศนมาตรรุ่นหลังๆ ผมจะทำให้ความรู้ทุกคนที่สนใจสามารถเข้าถึงฟรี ซึ่งความหวังไปกว่านั้นคือ สถาบันการศึกษาต้องทำได้มากกว่าความรู้ฟรีบนอินเตอร์เนท จึงจะสามารถทำให้วิชาชีพเจริญ เพราะถ้าการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษาไม่สามารถให้ความรู้ที่ลึกซึ้งกว่าแล้วก็น่าจะเป็นความลำบากที่วิชาชีพจะเจริญและเป็นที่พึ่งให้กับผู้คนได้จริงๆ มันจึงเป็นการบังคับผู้ที่มีหน้าที่ ให้ทำหน้าที่ตัวเองให้เต็มที่ ไม่อย่างนั้นจะอยู่ลำบาก และ จะเป็นตัวถ่วงวิชาชีพเปล่าๆ
ขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตาม ขอให้ทุกคนมีความสุข
Dr.Loft,O.D.
LOFT OPTOMETRY
578 Wacharapol rd. Tharang ,Bangkhen ,BKK 10220
mobile : 090-553-6554
Facebook : www.facebook.com/loftoptometry
mainwebsite : www.loftoptometry.com
lineID : loftoptometry